วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Stone head เอ๊ย! หัวหิน


ว่างเว้นจากการทำงาน การเรียน นอกจากอยากจะพักผ่อนนอนอยู่บ้านแล้ว ถ้าหากอยากลองออกมาเที่ยวต่างหวัด ที่เดินสามารถทางค่อนข้างสะดวกและไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากมาย  จึงอยากจะขอแนะนำ “หัวหิน” เป็นอีกหนึ่งที่ตรงตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
“หัวหิน” นั้นเป็นอำเภอหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมมีชื่อว่า “บ้านสมอเรียง” หรือ “บ้านแหลมหิน” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 7) ได้ทรงสร้างวังไกลกังวลเพื่อประทับพักผ่อนในฤดูร้อน และปัจจุบันวังไกลกังวลนั้นเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทุกวันนี้หัวหินมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ตากอากาศที่สามารถเที่ยวได้ใน 1 วันและอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 196 กิโลเมตร ซึ่งจำแนกการเดินทางได้ ดังนี้
    ทางรถยนต์
1. ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ ทางหลวงหมายเลข 35 ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงครามแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี แล้วเข้าสู่ตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง 
        2. ใช้เส้นทางสายเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี แล้วเข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 4 ชั่วโมง
    รถโดยสารประจำทาง  
บริษัท ขนส่ง จำกัด จากสถานีขนส่งสายใต้ มีบริการรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพฯ-หัวหิน กรุงเทพฯ-ปราณบุรี และกรุงเทพฯ-บางสะพาน เป็นประจำทุกวัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2435-1199 
    ทางรถไฟ 
การรถไฟแห่งประเทศไทย (จากสถานีรถไฟหัวลำโพง) มีบริการรถไฟสายใต้ไปหัวหิน ปราณบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ทุกวัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยบริการเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0-2225-0300
โดยเดิมทีอำเภอหัวหินนัั้นอยู่ในพื้นที่เขตปกครองของส่วนหนึ่งในเมืองปราณบุรี ขึ้นตรงแขวงเมืองเพชรบุรี จนกระทั่งมีการจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล จึงได้อยู่ในพื้นที่่ของอำเภอปราณบุรี เมืองเพชรบุรี (จังหวัดเพชรบุรี) ต่อมา วันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชองการเหนือเกล้าให้รวมเอาอำเภอเมืองปราณบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธุ์ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอกำเนิดนพคุณ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นเมืองชั้นจัตวามาก่อนเข้ารวมเป็นจังหวัดปราณบุรี และภายหลังได้รับการจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี  และภายในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2492 ก็ได้รับประกาศยกฐานะจากกิ่งอำเภอให้เป็นอำเภอ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2492
ชุมชนหัวหินก่อตั้งขึ้นในราวปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจากทางตอนเหนือละทิ้งถิ่นฐาน และเดินทางมาจนถึงพื้นที่ที่เป็นบริเวณใกล้กับเขาตะเกียบในปัจจุบัน แล้วได้ตั้งถิ่นฐานที่บริเวณนี้ เพราะเห็นว่าเป็นหาดทรายที่สวยงามและแปลกกว่าที่อื่น คือมีกลุ่ม หินกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป อีกทั้งที่ดินก็มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับทำการเกษตรและการประมง แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านสมอเรียง” ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศวรฤทธิ์ ได้มาสร้างตำหนักหลังใหญ่ชื่อ “แสนสำราญสุขเวศน์” ที่ ด้านใต้ของหมู่หินริมทะเล และทรงขนานนามหาดทรายบริเวณนี้เสียใหม่ว่า “หัวหิน” จนเมื่อเวลาล่วงไป ทั้งตำบล ในบริเวณนี้ก็ถูกเรียกในชื่อเดียวกันว่า “หัวหิน” และเจริญเติบโตขยายขึ้นเป็นอำเภอหัวหินจนถึงปัจจุบัน

สิ่งที่ขึ้นชื่อของหัวหินนอกจากจะมีทะเลอันสวยงามแล้ว ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ดึงดูดให้นัดท่องเที่ยวไปเยี่ยมชม
วังไกลกังวล
 วังไกลกังวล ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมห่างจากหัวหินไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สำหรับใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อนและพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ผู้อำนวยการกรมศิลปากร ในสมัยนั้นเป็นผู้ออกแบบและเป็นผู้อำนวยการก่อสร้างโดยเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2469 ต่อมาได้รับการซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ในบริเวณมีพระตำหนักหลายหลังมีชื่อคล้องจองกัน ได้แก่ พระตำหนักเปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีดิ์ สร้างอยู่กลางอุทยานไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ โดยมีพื้นที่ด้านหนึ่งติดชายทะเล นอกจากนั้นยังมี พิพิธภัณฑ์หอยซึ่งเป็นที่รวบรวมเปลือกหอยนานาชนิด วังไกลกังวลเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. (ยกเว้นในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม) อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท (จำหน่ายบัตรเข้าชมถึงเวลา 15.30 น.) ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (032) 511115
ศูนย์ศิลปหัตถกรรมหัวหิน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 18 ถนนแนบเคหาสน์ เป็นทั้งสวนพฤกษชาติและเป็นแหล่งรวมงานจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถกรรมพื้นบ้าน ศิลปะโบราณวัตถุและงานสร้างสรรค์แห่งโลกศิลปะที่นักท่องเที่ยวสามารถชมและสัมผัสได้ ศูนย์ฯนี้เปิดบริการให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 18.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.(032) 511249 , 511061
ตัวเมืองหัวหิน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 195 กิโลเมตร และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 90 กิโลเมตร ตลาดหัวหินเป็นตลาดใหญ่มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และโรงแรมมากมาย การคมนาคมสะดวกมีบริการรถสามล้อ รถสองแถวรับจ้าง และรถเช่า ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในตัวอำเภอ และสถานที่ใกล้เคียง ส่วนทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองหัวหินเป็นชายหาด มีทางลงหาดอยู่ที่ถนนดำเนินเกษม หาดหัวหินมีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ทรายขาวละเอียดเหมาะสำหรับเล่นน้ำทะเล
สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้คือ พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯเป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมมีชื่อว่า พลับพลาสนามจันทน์ ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทน์ จังหวัดนครปฐม
          พลับพลานี้มีไว้ในการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศทำการฝึกซ้อมยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี หลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนมาเก็บไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ต่อมาในปีพ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง จุลจาริตต์เป็นผู้ว่าการรถไฟฯได้พิจารณาเห็นว่าควรนำเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่หัวหินเพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การดำเนินการก่อสร้างนี้ใช้ช่างฝีมือคนไทยและได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลาซึ่งได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้ฯ”เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517 โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวอำเภอหัวหินเป็นอย่างมาก
ตลาดโต้รุ่งหัวหิน เป็นสีสันยามราตรีของหัวหินและเป็นแหล่งรวมอาหารนานาชนิดอาทิ อาหารไทย อาหารทะเล ขนมไทย โรตีแขก เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศแวะเวียนไปเสมอ นอกจากนี้ ยังมีร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายอีกด้วย
ตลาดฉัตรไชย เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของหัวหินเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม สร้างในปี พ.ศ. 2469 ตามพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะของหลังคาเป็นรูป 7 โค้งอันเป็นสัญญลักษณ์หมายถึงสร้างในสมัยรัชกาลที่ 7 ปัจจุบันเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ระลึก อาหารสดและแห้ง
         เขาตะเกียบ                         จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ        
เขาตะเกียบ เขาไกรลาส เป็นภูเขา 2 ลูกที่อยู่ใกล้กัน อยู่ห่างจากตัวอำเภอหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 14 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายมือจากถนนเพชรเกษมที่กิโลเมตร 235 เข้าไปประมาณ 500 เมตร จากตลาดหัวหินมีรถโดยสารวิ่งระหว่างหัวหิน-เขาไกรลาส-เขาตะเกียบ เขาตะเกียบเป็นเขาที่ยื่นออกไปในทะเลมีโขดหินสวยงาม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติขนาดใหญ่หันหน้าออกสู่ทะเลบนยอดเขามีทางเดินขึ้นไปสามารถชมทิวทัศน์ของท้องทะเลและตัวเมืองหัวหินได้อย่างชัดเจน ชายหาดเขาตะเกียบมีความยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีความลาดชันน้อย ทรายขาวละเอียด บริเวณชายหาดมีร้านอาหาร ที่พักและร้านขายของที่ระลึกมากมายไว้บริการ
เขาหินเหล็กไฟ เป็นจุดชมวิวตัวเมืองและอ่าวหัวหินที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งซึ่งประกอบด้วยจุดชมวิวรวม 3 จุด และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เขาหินเหล็กไฟนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะในการชมวิวคือช่วงค่ำและเช้าตรู่
ค่ายธนะรัชต์ เป็นค่ายทหารที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 600,000 ไร่เศษ ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 237 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ ภายในค่าย ประกอบด้วย อนุสรณ์สถาน ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นสถานที่รวบรวมชีวประวัติ ผลงานในอดีต เครื่องแต่งกายของใช้ส่วนตัว เครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งของไทย และต่างประเทศ พิพิธภัณฑ์ทหารราบ จัดแสดงอาวุธโบราณสมัยต่าง ๆ และ ท่าเสด็จ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปราณบุรี ทางทิศตะวันตกของค่ายฯ ห่างจากถนนเพชรเกษม ประมาณ 12 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ มีสวนไม้ดอก ไม้ประดับ พันธุ์ไม้ในวรรณคดี และมีกิจกรรมแนวผจญภัยเช่น การกระโดดหอสูง ไต่หน้าผา ยิงปืน ตกปลา แค้มปิ้ง เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายกิจการพลเรือน โทร. (032)542455–64 ต่อ 4163
สวนสนประดิพัทธ์
สวนสนประดิพัทธ์ อยู่ห่างจากหัวหินไปตามถนนเพชรเกษมประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษม ที่กิโลเมตร 240 เข้าไปประมาณ 500 เมตร มีรถโดยสารจากหัวหินไปยังสวนสนทุก 20 นาที สวนสนประดิพัทธ์อยู่ในความดูแลของศูนย์การทหารราบ ปราณบุรี มีที่พักลักษณะเป็นบังกะโล เรือนแถวและห้องพัก ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (032) 511240 , 536581-3
เขาเต่า อยู่ห่างจากตัวอำเภอหัวหินประมาณ 13 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 243–244 เข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร มีรถโดยสารวิ่งระหว่างหัวหิน-สามแยกเขาเต่า บริเวณเขาเต่ามีหาดทรายที่สะอาด และสวยงามอยู่ 2 แห่ง คือ หาดทรายน้อย และหาดทรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเกาะขนาดเล็กอยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งเท่าใดนัก บนเกาะมีเปลือกหอยชนิดต่าง ๆ ทับถมกันอยู่มากมายและยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่หันพระพักตร์ออกสู่ทะเล
เกาะสิงห์โต อยู่ทางด้านทิศตะวันออก จากสวนสนประดิพัทธ์ไปประมาณ 800 เมตร เป็นเกาะเล็กๆ รูปร่างคล้ายสิงห์โตนอนหมอบหันหน้ามาทางทิศเหนือ เหมาะสำหรับตกปลา นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือได้ที่หมู่บ้านเขาตะเกียบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
น้ำตกป่าละอู ประกอบด้วย น้ำตกละอูใหญ่ และน้ำตกละอูน้อย ซึ่งไหลลดหลั่นกันอย่างสวยงามถึง 11 ชั้น สามารถลงเล่นน้ำได้ ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน 
        การเดินทาง จากตลาดหัวหิน มีทางแยกจากถนนเพชรเกษมไปทางทิศตะวันตก ตามทางหลวงหมายเลข 3219 จนสุดถนนราว 63 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านฟ้าประทาน แล้วเดินทางต่อไปอีกราว 4 กิโลเมตร สามารถเช่าเหมารถสองแถวซึ่งจอดอยู่ที่ถนนชมสินธุ์ไป-กลับได้ในราคาประมาณ 800 บาท นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนละ 20 บาท เด็ก คนละ 10 บาท ในกรณีที่ต้องการพักค้างแรม ทางอุทยานฯ มีบริการเต็นท์ให้เช่า คนละ 100 บาท/คน/คืน หรือ จะนำเต็นท์มาเองก็ได้ ติดต่อขออนุญาตพักค้างแรมในเขตอุทยานฯได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานน้ำตกป่าละอู อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 หรือ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 459293 หรือจะติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ               
                                                                                                                   
เพลินวาน ศูนย์รวมความสุข สถานที่ซึ่งหยุดเวลาในอดีตไว้ เพื่อเล่าขานเรื่องราวมากมายของวีถีหัวหินกาลก่อน สู่กาลปัจจุบัน ได้รับความสนใจไม่น้อยจากนักท่องเที่ยวเพลินวานมี ลักษณะคล้ายหมู่บ้านย้อนยุคที่มีชีวิต (Eco Vintage Village) ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายขนม ร้านเหล้าในสมัยก่อน รูปแบบของหมู่บ้านนี้จะร้านค้าที่ทำจากไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วง พ.ศ.2499 อีกครั้ง เป็นสถานที่ที่เน้นการขายอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่ใช้ในการตกแต่ง อดีตอันงดงามจะย้อนกลับมาให้คุณได้หวนระลึกถึง เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการพักผ่อนในหัวหิน ร่วมกับครอบครัวหรือคนรัก ที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.00-24.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด การเดินทางก็ไม่ยาก ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามพระราชวังไกลกังวล หมุดหมายที่ใครๆ ต่างรู้จักดี
ตลาดน้ำหัวหิน สามพันนาม สถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่ ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซีย และเป็นตลาดน้ำในบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 6 ที่นี่มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่  มีร้านค้าทั้งหมด 193 ร้าน และเรือขายสินค้า 40 ลำ โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและ ติดแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ได้ชื่อว่า ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม  เพราะเป็นชื่อพระราชทาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลำห้วยสามพันนาม ที่ได้ชื่อนี้ เพราะลำห้วยแห่งนี้ไหลผ่านหมู่บ้านกว่า 3,000 แห่งนั่นเอง ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม มีการแสดง โชว์แสง สีเสียง ทุกวัน สำหรับการเดินทางสะดวกสบายพร้อมที่จอดรถกว่า 1,000 คัน

ไปประเทศที่เล็กที่สุดในโลก...กันมั้ย?

สำหรับคนที่ชื่นชอบอะไรที่เป็นที่สุดๆ ของโลก และอยากจะไปเที่ยวที่ทีเป็นที่สุดในโลกดูสักครั้งต้องลองไปที่นี้... 3 อันดับประเทศที่เล็กที่สุดในโลก



1 นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City)

     ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับของ พระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก นครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ศูนย์กลางคือ วิหารโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ออกแบบโดยมีเกลันเจโล  มีพื้นที่ 0.438 ตารางกิโลเมตร (0.17 ตารางไมล์) จึงเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่เพียงประมาณ 250 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พิพิธภัณฑ์วาติกัน หอสมุด ที่ประทับขององค์สันตะปาปา อุทยานวาติกัน

      ภายในนครรัฐวาติกันมีสถานีวิทยุ 3 แห่งที่ส่งกระจายเสียงออกไปถึง 33 ภาษา มีสถานีโทรทัศน์ 1 สถานี มีโรงพิมพ์ ที่ออกหนังสือพิมพ์รายวันและหนังสือต่างๆของวาติกัน มีที่ทำการไปรษณีย์ให้คนที่ไปเที่ยวส่งจดหมายและไปรษณีย์บัตรประทับตราไปรษณีย์วาติกันส่งไปให้คนรู้ใจหรือส่งกลับไปให้ตัวเองที่บ้านเป็นที่ระลึก มีธนาคารวาติกัน สถานีรถไฟวาติกัน ร้านค้าของวาติกัน ภายในวาติกันนั้นมีประชากรประมาณ 900 กว่าคน มีคนทำงานรวมทั้งทหารรักษาการณ์ที่เป็นทหารจากสวิสต์เซอร์แลนด์ประมาณ 1,300 คน แต่วาติกันกลับมีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยือนวันละนับหมื่นคน




      สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์สถานวาติกัน เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบชมงานศิลปะ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของงานศิลปะอันงดงามล้ำค่าจากสุดยอดศิลปินชื่อดังของโลก การเข้าไปเที่ยวชมควรจะต้องมีเวลาสักครึ่งวัน และควรที่จะต้องหาซื้อบัตรล่วงหน้าเพื่อจะสามารถเดินเข้าช่องทางพิเศษที่สั้นกว่าการไปเข้าคิวรอซื้อบัตรตามปรกติ หรือมิฉะนั้นก็ต้องไปเข้าคิวรอตั้งแต่เช้าๆ เพื่อจะได้เข้าไปชมได้เร็วและจะได้มีเวลาดื่มด่ำกับงานศิลปะในนั้นนาน ๆ


      ซึ่งห้องจัดแสดงมีการแบ่งเป็นห้องๆ ตามยุคสมัยของศิลปะเริ่มตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน เป็นต้นมา หากจะเที่ยวชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์วาติกันให้สนุกเพลิดเพลิน ควรจะต้องอ่านหนังสือหรือดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะมาก่อนล่วงหน้าก็จะได้รู้ที่มาที่ไปและจะเที่ยวชมได้อย่างออกรสชาติยิ่งขึ้น สามารถเลือกชมหรือเลือกใช้เวลากับภาพเขียนหรือประติมากรรมชิ้นเยี่ยมของศิลปินเอกที่ตนชื่นชอบได้อย่างเต็มที่

      แต่การจะเที่ยวชมงานศิลปะหรือชมสถาปัตยกรรมอันงดงามของวาติกันหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในอิตาลีก็ขอเตือนกันไว้ว่าอย่าชื่นชมเพลิดเพลินจนลืมระมัดระวังทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ต กระเป๋าสตางค์ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ ซึ่งอิตาลีนั้นขึ้นชื่อในความเป็นเมืองที่มีการล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวติดอันดับแนวหน้าของโลกเลยทีเดียว จึงอยากจะขอเตือนๆกันไว้ก่อน เดี๋ยวเที่ยวเพลิน ๆ มารู้ตัวอีกทีก็หมดตัวเสียแล้วจะเป็นเรื่องวุ่นวายเที่ยวไม่สนุกไปทั้งทริป

      ค่าเงินที่ใช้เป็นเงินยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 38.75 บาท (08/2555) วาติกันปกครองโดยรัฐเอกราช มีสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นประมุข การบริหารกระทำผ่านสำนักเลขาธิการแห่งรัฐ (Secretariat of State) และมีเลขาธิการแห่งรัฐ (Secretary of State) เทียบเท่านายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะหน่วยงานระดับกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งหมด 9 หน่วยงาน เรียกว่า Sacred Congregations


      ภาษาหลักของที่นี่ คือ ภาษาอิตาเลียนและภาษาละติน และที่สุดยอดไปเลย คือ ที่นี่เป็นที่แห่งเดียวในโลกที่ตู้เอทีเอ็มนั้นเป็นภาษาลาติน  มากไปกว่านั้นที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งในโลกที่มีจดหมายเข้ามากที่สุด และส่งถึงมือผู้รับเร็วที่สุดในโลกก็ว่าได้ และเป็นที่ที่ส่งจดหมายออกมากที่สุดอีกแห่งของโลกด้วย (1 คน ส่งจดหมาย 7,200 ฉบับ ต่อปี)

 """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
2 โมนาโก หรือ ราชรัฐโมนาโก


      เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศเอกราชขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากนครรัฐวาติกัน มีพื้นที่ 1.95ตรม มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก ส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส (ภาษาโมนาโก อิตาเลียน และอังกฤษเล็กน้อย) เคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2404 และได้แยกตัวเป็นอิสระภายหลัง มีรายได้หลักจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถานกาสิโนและการแข่งรถนานาชาติ เชิญเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ เช่น บ่อนคาสิโนมอนเตกาโล,ปราสาทปาเล เดอ แปรงซ์,ท่าจอดเรือยอร์จ เป็นต้น


     โมนาโก ใช้กฎหมายฝรั่งเศส ไม่ได้นำเอากฎจากศาลโลกมาใช้ร่วม ปกครองแบบราชาธิปไตยโดยมีเจ้าผู้ครองราชรัฐเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เชื้อชาติในโมนาโกเป็นฝรั่งเศส 47% โมนาโก 16% อิตาลี 16% และอื่นๆ 21% ศาสนาเป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 90% และอื่นๆ 10% ค่าเงินที่ใช้เป็นเงินยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 38.75 บาท (08/2555)

      สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วิลล์โมนาโค เป็นส่วนที่เก่าของโมนาโคและ perched ที่ราบสูงบนยอดเขาเรียกว่าเลอโร, ร็อค อำเภอประกอบด้วยถนนสายเก่าที่มีร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ และมีราคาเหมาะสมและร้านค้าของที่ระลึกเล็ก ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือพาเลซ, Oceanographic พิพิธภัณฑ์และโบสถ์

       โบสถ์ใหญ่อยู่ระหว่างพิพิธภัณฑ์วังและ Oceanographic คุณค้นหา"Cathédrale de Monaco"ตามที่เป็นคริสตจักร neo - ภาษาโรมันสร้างขึ้นในปี 1875 ยังหินจาก La Turbie มีสมาชิกจำนวนมากของราชวงศ์ Grimaldi ฝังไว้ที่นี่รวมทั้งปริ๊นเซเกรซเคลลี่และสามีเจ้าชายของเธอเป็น Rainier III
      และคอลเลกชันส่วนตัวของรถโบราณถ้าคุณรักรถโบราณเก่านี้ต้องไปที่ คอลเลกชันส่วนตัวนิทรรศการ HSH Prince Rainier III ของรถโบราณ ประมาณ 100 vehicules จะแสดงในพื้นที่ 4000 ตารางเมตร


       นอกจากนี้ประเทศนี้ยังมีทั้งเจ้าชาย เจ้าหญิง หล่อๆ สวยๆ และมีพระปรีชาสามารถเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกหลายพระองค์ ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ที่ทรงพระสิริโฉมงดงาม เจ้าหญิงแคโรลีนพระธิดาในเจ้าหญิงเกรซที่ทรงพระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดา

       ตามมาด้วย เจ้าหญิงสเตฟานี พระขนิษฐาผู้ทรงโฉมเช่นกัน และ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งโมนาโก ผู้ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าหญิงแคโรลีน ก็ทรงพระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดาและพระมาตุจฉา เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 เจ้าชายเรนีเย่ เจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าชายเรนีย่ที่ 3

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

3 ประเทศนาอูรู
      เป็นประเทศที่อยู่บนเกาะ ตั้งอยู่บนทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค มีขนาด 21 ตารางกิโลเมตร และได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเอกราชเป็นของตัวเองที่เล็กที่สุดในโลก และเป็นประเทศเอกราชเดียวที่ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ  นาอูรูใช้ภาษานาอูรูเป็นภาษาราชการ ชาวนาอูรูเข้าใจภาษาอังกฤษ และมักใช้ในราชการเกือบทั้งหมด รวมถึงใช้ในการโฆษณาด้วย ผู้คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ระบบกฎหมายพระราชบัญญัติจากรัฐสภานาอูรู, กฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ (British Common Law)


       นาอูรูมีแร่ฟอสเฟตอยู่มาก และรายได้แทบทั้งหมดของประเทศมาจากอุตสาหกรรมการขุดและส่งออกแร่ฟอสเฟต ซึ่งมีรายได้ดีจนทำให้ชาวนาอูรู มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นในหมู่ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกด้วยกัน
   
        ในอดีตรายได้หลักของประเทศมาจากแร่ฟอสเฟต มีการส่งออกแร่ฟอสเฟตในอัตราที่สูงมาก จึงส่งผลให้ประชากรของที่นี่กินดีอยู่ดี รัฐบาลมีการจ้างงานประชาชนถึง 95 เปอร์เซนต์ ให้สวัสดิการการรักษาโรคและการศึกษาฟรีแก่ประชากรในประเทศ พูดได้เลยว่าที่นี่เป็นเหมือนกับสวรรค์น้อยๆ บนผืนดิน เพราะเป็นประเทศที่ประชากรร่ำรวยติดอันดับในโลกเลยทีเดียว ถึงขั้นที่ว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ของประเทศมักจะนั่งเครื่องของ Air Nauru ไปเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์เสมอๆ




        อย่างไรก็ตาม แร่ฟอสเฟตที่ดูเหมือนจะเป็นบ่อเงินบ่อทองสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนาอูรู เนื่องจาก ผืนดินสะสมแร่ฟอสเฟตมากจนเกินไป จนแห้งแล้งและไม่สามารถปลูกพืชผลใดๆ ได้ ทั้งการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ของประเทศ เช่น การไปซื้อกิจการโรงแรมแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไร้ประโยชน์ รวมถึงการขาดคุณสมบัติในการปกครองบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของนาอูรูแย่ลง



                ยังไม่พอภาวะการกินอยู่ที่เคยอุดมสมบูรณ์มาก ก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนกับประชากรในประเทศ ประชากร 9 ใน 10 คนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน นาอูรูกลายเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นโรคเบาหวานในอัตราสูงมากประเทศหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
 ..................................................................................................................................................................



 





วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รู้ไว้ถ้าจะไป...สิงค์โปร์

 สิงคโปร์ Singapore


        สิงคโปร์ หรือชื่อทางการ คือ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมาเลย์ ติดกับรัฐยะโฮร์ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ทางเหนือของเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย




สถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศสิงคโปร์ แบ่งตามภูมิศาสตร์
   ภาคตะวันออก - Katong, Pasir Ris, Changi/Pulau Ubin
   ภาคตะวันตก - Kent Ridge, Mount Faber, Bukit Timah
   ภาคเหนือ - Thomson, Lim Chu Kang/Tengah
   ภาคกลาง - Balestier, Chinatown, แม่น้ำสิงคโปร์


  
               สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมักอยู่ในตอนกลาง ได้แก่ พื้นที่บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) , อาคารโรงละคร Esplanade ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่, สถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำ บริเวณพื้นที่ริมน้ำ ได้แก่ Clarke Quay, Boat Quay, ย่านไชน่าทาวน์ (China Town) , ย่าน Little India, ย่านชอปปิ้ง บนถนน Orchard
           ส่วนบริเวณเมืองรอบนอกนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่โดยรอบ สามารถเข้าถึงได้โดยรถไฟ MRT และ รถประจำทาง ได้แก่ เกาะเซนโตซา (Sentosa Island) บริเวณ Harbour Front, สวนสัตว์กลางคืน (Night Safari) , สวนนกจูร่ง (Jurong Birdpark) เป็นต้น



ภาษา
ภาษาที่ใช้มี 4 ภาษา คือ อังกฤษ จีน มาเลย์ และทมิฬ โดยมีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ และภาษาอังกฤษจะใช้ในวงการธุรกิจ และการศึกษา ส่วนภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) เป็นภาษาที่มีการใช้ในการสื่อสารทางสังคมมากที่สุด เนื่องจากประชากร 70 % เป็นคนเชื้อชาติจีน






อาหารการกิน
อาหารสิงคโปร์นั้นราคาประหยัดและหาทานง่าย ราคาอาหารตามศูนย์อาหารและฟู้ดคอร์ทเริ่มต้นที่ 3 เหรียญ และมีอาหารให้เลือกมากมายทั้งหลักซา ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว สะเต๊ะ และข้าวมันไก่ รวมไปถึงภูเขาน้ำแข็งราดน้ำหวานหลากสีสันอย่าง 
 

 อากาศ 
      ประเทศสิงคโปร์มีภูมิอากาศ แบบร้อนชื้นเส้นศูนย์สูตร ซึ่งสภาพอากาศของประเทศสิงคโปร์ ก็จะคล้ายคลึงกับสภาพอากาศทางภาคใต้ของประเทศไทย คือ อากาศจะร้อนและเปียกชื้นทั้งปี และจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นระหว่างอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยคือ 31 องศาเซลเซียสและต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส
                 ประเทศสิงคโปร์มี 2 ฤดู  
                                      ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วง เดือนกุมภาพันธ์ - เดือนตุลาคม 
                                      ฤดูฝน จะอยู่ในช่วง เดือนพฤศจิการยน - เดือนมกราคม
 ก่อนไปก็เช็คอากาศดีๆ ล่ะ จะได้เตรียมเสื้อผ้าไป



 
สกุลเงินตรา
      หน่วยเงินตราของสิงคโปร์คือ ดอลลาร์ (Singapore Dollar) โดยแบ่งค่าเงินต่าง ๆ ออกเป็นดังนี้ ธนบัตรมูลค่า S$2, S$5, S$10, S$20, S$50, S$100, S$500, S$1,000 และ S$10,000 เงินเหรียญมีตั้งแต่ 1, 5, 10, 20 และ 50 เซนต์ รวมถึง S$ 1
              ค่าอาหารอยู่ระหว่าง 2.5 $ - 5 $
              น้ำ/น้ำอัดลมราคาเท่ากัน 1.5 $
              เบียร์ 6 $   / ถ้าเป็นเหยือก 12-15 $


  
กฎหมาย
       สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวขานในเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด ประชากรมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สูง เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีกฎหมายลงโทษร้ายแรง คือ การประหารชีวิต หรือโทษจำคุกระยะยาว เช่น ที่สิงคโปร์นั้น ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนปรับถึง S$1,000 การทิ้งเศษขยะลงพื้น ฝ่าฝืนครั้งแรกถูกปรับ S$1,000 ครั้งต่อไป S$2,000 และต้องทำความสะอาดในที่สาธารณะด้วย กฎหมายนี้รวมถึงการห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ และห้ามเคี้ยวหมากฝรั่งด้วยดังนั้น ไม่ควรนำหมากฝรั่งไปที่สิงคโปร์ การเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดในประเทศสิงคโปร์นั้นมีความผิดขั้นร้ายแรงถึงประหารชีวิต

ห้ามเด็ดขาด
        สิงคโปร์มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น การถ่มน้ำลาย คนไทยที่ทำตัวสบายๆจนชินต้องระวังห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ การทิ้งขยะ การทิ้งขยะ  กฎจราจร การข้ามถนน การสูบบุหรี่ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์  ยกเว้นสถานที่เที่ยวกลางคืน  ที่สำคัญห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง





ไฟฟ้า
สำหรับกระแสไฟทางสิงคโปร์ใช้เหมือนบ้านเราคือ 220 โวลต์ แต่ความแตกต่างนั้นคือ สิงคโปร์ใช้เต้าเสียบแบบ 3 ขา (บ้านเราใช้ 2 ขา) ฉะนั้นอย่าลืมว่า ต้องนำปลั๊กต่อไปด้วย

โทรศัพท์
 หากโทรศัพท์จากเมืองไทยไป สิงคโปร์ ต้องกดรหัสผู้ให้บริการ 001 หรือ 008 หรือ 009 ตามด้วยรหัสประเทศ 65 แล้วตามด้วยหมายเลขที่ต้องการโทร 8 หลัก แต่หากโทรภายในประเทศสิงคโปร์ก็สามารถ เบอร์โทรได้เลย โดยอัตราค่าโทรจะเป็น 0.10 (SGD) ต่อ 3 นาที



การเดินทาง
รถไฟฟ้าใต้ดิน ให้บริการ 05.30-24.00 น. อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 0.80-1.80 เหรียญ(สิงคโปร์)

      สำหรับนักท่องเที่ยวไม่ควรซื้อตั๋วรถไฟแบบ EZLink ควรซื้อเป็นตั๋วเที่ยวดียว เพราะว่า ขาออกสามารถแลกคืนได้ ตอนซื้อตั๋วจะต้องไปซื้อที่ตู้บริการขายตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นเครื่องกดแบบช่วยตัวเอง ควรเลือกกดตั๋วแบบ Standard Ticket จากนั้นกด เลือกสถานที่(สถานี)ปลายทาง ที่เราจะไป เครื่องจะแสดงจำนวนเงินว่าเราต้องใส่ไปกี่เหรียญ จากนั้น เราก็หยอดเหรียญไป ตามนั้น ถ้าเกินเครื่องก็จะทอนเงินมาให้โดยอัตโนมัติ  (เวลาซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเครื่องจะบวกค่าประกันบัตร 1 เหรียญ(สิงคโปร์) ดังนั้นเมื่อเราเดินทางถึง(สถานี)จุดหมาย ก็ นำไปคืนที่ตู้ แล้วกด refund โดยสอดบัตรเข้าไป แล้วรับเงินคืน อย่าลืมว่าต้องเป็น ภายในวันเดียวกันเท่านั้น)



รถเมล์ (Bus) รถโดยสารที่วิ่งให้บริการบนเกาะสิงคโปร์มี 2 กลุ่มคือ
     รถเมล์ SBS Transit
     รถเมล์ TIBS (Transit Island)
           การเดินทางโดยรถเมล์ ในบางครั้งก็มีความจำเป็น เพราะว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ไม่ได้อยู่ตรงบริเวณสถานีรถไฟฟ้า และ ถ้าจะเดินก็คงไม่ไหว เช่นการเดินทางไปเที่ยวสวนนกจูร่ง เราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่ สถานที่ Boonlay หลังจากนั้น ก็นั่งรถบัสสาย 194 ไปลงที่สวนนกจูร่ง
           สำหรับการจ่ายค่าโดยสารรถบัสเราสามารถจ่ายเป็นเงินสดโดยการหยอดลงที่กล่องรับเงิน หรือ เราสามารถจ่ายด้วยบัตร EZ-Link โดยการแตะที่เครื่องรับเงิน ซึ่งถือว่าสะดวกที่สุด ค่าโดยสารรถบัสจะอยู่ระหว่าง 0.6 SGD ถึง 1.6 SGD ซึ่งรถจะวิ่งให้บริการตั้งแต่ เวลา 06.00 ถึง เที่ยงคืน มีทั้งรถแบบ 2 ชั้น 1 ชั้น รถธรรมดา รถปรับอากาศวิ่งให้บริการมากกว่า 250 สาย ทั่วเกาะสิงคโปร์


              รถแท๊กซี่มิเตอร์ ราคาจะขึ้นตามมิเตอร์ เริ่มต้นที่ประมาณ 2.40 เหรียญ(สิงคโปร์) และเพิ่ม 10 เซ็นต์ ต่อ 250 เมตร ต้องจ่ายเพิ่มอีก 50 % หากเป็นการใช้บริการระหว่าง เที่ยงคืน - 6.00 น.
        การใช้บริการจากสนามบิน Changi เพิ่มค่าบริการอีก 3 เหรียญ(สิงคโปร์) ยกเว้นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 17.00-24.00น. เพิ่มค่าบริการ 5 เหรียญ(สิงคโปร์)
        การเรืยกบริการทางโทรศัพท์ เพิ่มค่าบริการอีก 3.20 เหรียญ(สิงคโปร์) และหากเป็นการโทรจองล่วงหน้าเกิน ครึ่งชั่วโมง ต้องเพิ่มค่าบริการ 5.20 เหรียญสิงคโปร์
          มีการใช้ระบบ ERP (คิดค่าใช้ถนนโดยเครื่องอีเลคโทรนิกส์) จะต้องเสียเพิ่มอีก 30 เซ็นต์ - 2 เหรียญ(สิงคโปร์) ในกรณีที่รถวิ่งผ่านถนนที่มีการคิดเงิน



           ส่วนใครที่จะอยู่ในสิงคโปร์ นานๆ และจะต้องขึ้นทั้งรถ MRT รถประจำทาง รถแท็กซี่ สามารถซื้อตั๋ว EZLink ซึ่งเป็นตั๋วแบบหักมูลค่าที่ใช้ไปในแต่ละครั้ง EZLink สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้ง MRT รถประจำทาง Taxi สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง

      บัตร EZLink ราคา 15 เหรียญ(สิงคโปร์) (มูลค่าที่ใช้ได้ 7 เหรียญสิงคโปร์ ค่ามัดจำบัตร 3 เหรียญสิงคโปร์ (ได้คืนเมื่อเลิกใช้) และเงินค่าบัตร 5 เหรียญ(สิงคโปร์) (ไม่ได้คืน)  การเติมเงินเพิ่มในบัตรEZLink ทำได้ที่ตู้ อัตโนมัติ และเพิ่มได้ครั้งละ 10 เหรียญ(สิงคโปร์)
     วิธีการใช้ บัตร EZLink ก็ง่ายมาก แค่เอาบัตร EZLink ทาบไปบนเครื่องตัดบัตร ที่มีรูปบัตร EZLink เมื่อเครื่องตัดเงินเรียบร้อยจะมีสัญญาณแจ้งให้เราทราบ


  
เวลา
      เวลาของสิงคโปร์เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง (GMT +8.00) อย่าลืมปรับเวลาที่นาฬิกาของท่านเมื่อเดินทางถึงประเทศสิงคโปร์นะ จะได้ไม่พลาดช่วงเวลาดีๆ

ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ก่อนไปยังไงก็ตรวจสอบข้อมูลดีอีกรอบนะขอรับ
ด้วยความปราถนาดีจาก Original Travel