1 นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City)
ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับของ พระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก นครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ศูนย์กลางคือ วิหารโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ออกแบบโดยมีเกลันเจโล มีพื้นที่ 0.438 ตารางกิโลเมตร (0.17 ตารางไมล์) จึงเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่เพียงประมาณ 250 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พิพิธภัณฑ์วาติกัน หอสมุด ที่ประทับขององค์สันตะปาปา อุทยานวาติกัน
ภายในนครรัฐวาติกันมีสถานีวิทยุ 3 แห่งที่ส่งกระจายเสียงออกไปถึง 33 ภาษา มีสถานีโทรทัศน์ 1 สถานี มีโรงพิมพ์ ที่ออกหนังสือพิมพ์รายวันและหนังสือต่างๆของวาติกัน มีที่ทำการไปรษณีย์ให้คนที่ไปเที่ยวส่งจดหมายและไปรษณีย์บัตรประทับตราไปรษณีย์วาติกันส่งไปให้คนรู้ใจหรือส่งกลับไปให้ตัวเองที่บ้านเป็นที่ระลึก มีธนาคารวาติกัน สถานีรถไฟวาติกัน ร้านค้าของวาติกัน ภายในวาติกันนั้นมีประชากรประมาณ 900 กว่าคน มีคนทำงานรวมทั้งทหารรักษาการณ์ที่เป็นทหารจากสวิสต์เซอร์แลนด์ประมาณ 1,300 คน แต่วาติกันกลับมีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยือนวันละนับหมื่นคน
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์สถานวาติกัน เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบชมงานศิลปะ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมของงานศิลปะอันงดงามล้ำค่าจากสุดยอดศิลปินชื่อดังของโลก การเข้าไปเที่ยวชมควรจะต้องมีเวลาสักครึ่งวัน และควรที่จะต้องหาซื้อบัตรล่วงหน้าเพื่อจะสามารถเดินเข้าช่องทางพิเศษที่สั้นกว่าการไปเข้าคิวรอซื้อบัตรตามปรกติ หรือมิฉะนั้นก็ต้องไปเข้าคิวรอตั้งแต่เช้าๆ เพื่อจะได้เข้าไปชมได้เร็วและจะได้มีเวลาดื่มด่ำกับงานศิลปะในนั้นนาน ๆ
ซึ่งห้องจัดแสดงมีการแบ่งเป็นห้องๆ ตามยุคสมัยของศิลปะเริ่มตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน เป็นต้นมา หากจะเที่ยวชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์วาติกันให้สนุกเพลิดเพลิน ควรจะต้องอ่านหนังสือหรือดูข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะมาก่อนล่วงหน้าก็จะได้รู้ที่มาที่ไปและจะเที่ยวชมได้อย่างออกรสชาติยิ่งขึ้น สามารถเลือกชมหรือเลือกใช้เวลากับภาพเขียนหรือประติมากรรมชิ้นเยี่ยมของศิลปินเอกที่ตนชื่นชอบได้อย่างเต็มที่
แต่การจะเที่ยวชมงานศิลปะหรือชมสถาปัตยกรรมอันงดงามของวาติกันหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในอิตาลีก็ขอเตือนกันไว้ว่าอย่าชื่นชมเพลิดเพลินจนลืมระมัดระวังทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ต กระเป๋าสตางค์ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ ซึ่งอิตาลีนั้นขึ้นชื่อในความเป็นเมืองที่มีการล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวติดอันดับแนวหน้าของโลกเลยทีเดียว จึงอยากจะขอเตือนๆกันไว้ก่อน เดี๋ยวเที่ยวเพลิน ๆ มารู้ตัวอีกทีก็หมดตัวเสียแล้วจะเป็นเรื่องวุ่นวายเที่ยวไม่สนุกไปทั้งทริป
ค่าเงินที่ใช้เป็นเงินยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 38.75 บาท (08/2555) วาติกันปกครองโดยรัฐเอกราช มีสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นประมุข การบริหารกระทำผ่านสำนักเลขาธิการแห่งรัฐ (Secretariat of State) และมีเลขาธิการแห่งรัฐ (Secretary of State) เทียบเท่านายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะหน่วยงานระดับกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งหมด 9 หน่วยงาน เรียกว่า Sacred Congregations
ภาษาหลักของที่นี่ คือ ภาษาอิตาเลียนและภาษาละติน และที่สุดยอดไปเลย คือ ที่นี่เป็นที่แห่งเดียวในโลกที่ตู้เอทีเอ็มนั้นเป็นภาษาลาติน มากไปกว่านั้นที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งในโลกที่มีจดหมายเข้ามากที่สุด และส่งถึงมือผู้รับเร็วที่สุดในโลกก็ว่าได้ และเป็นที่ที่ส่งจดหมายออกมากที่สุดอีกแห่งของโลกด้วย (1 คน ส่งจดหมาย 7,200 ฉบับ ต่อปี)
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศเอกราชขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากนครรัฐวาติกัน มีพื้นที่ 1.95ตรม มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก ส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส (ภาษาโมนาโก อิตาเลียน และอังกฤษเล็กน้อย) เคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2404 และได้แยกตัวเป็นอิสระภายหลัง มีรายได้หลักจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถานกาสิโนและการแข่งรถนานาชาติ เชิญเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ เช่น บ่อนคาสิโนมอนเตกาโล,ปราสาทปาเล เดอ แปรงซ์,ท่าจอดเรือยอร์จ เป็นต้น
โมนาโก ใช้กฎหมายฝรั่งเศส ไม่ได้นำเอากฎจากศาลโลกมาใช้ร่วม ปกครองแบบราชาธิปไตยโดยมีเจ้าผู้ครองราชรัฐเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เชื้อชาติในโมนาโกเป็นฝรั่งเศส 47% โมนาโก 16% อิตาลี 16% และอื่นๆ 21% ศาสนาเป็นคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 90% และอื่นๆ 10% ค่าเงินที่ใช้เป็นเงินยูโร (Euro) อัตราแลกเปลี่ยน EUR 1 = 38.75 บาท (08/2555)
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วิลล์โมนาโค เป็นส่วนที่เก่าของโมนาโคและ perched ที่ราบสูงบนยอดเขาเรียกว่าเลอโร, ร็อค อำเภอประกอบด้วยถนนสายเก่าที่มีร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ และมีราคาเหมาะสมและร้านค้าของที่ระลึกเล็ก ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือพาเลซ, Oceanographic พิพิธภัณฑ์และโบสถ์
โบสถ์ใหญ่อยู่ระหว่างพิพิธภัณฑ์วังและ Oceanographic คุณค้นหา"Cathédrale de Monaco"ตามที่เป็นคริสตจักร neo - ภาษาโรมันสร้างขึ้นในปี 1875 ยังหินจาก La Turbie มีสมาชิกจำนวนมากของราชวงศ์ Grimaldi ฝังไว้ที่นี่รวมทั้งปริ๊นเซเกรซเคลลี่และสามีเจ้าชายของเธอเป็น Rainier III
และคอลเลกชันส่วนตัวของรถโบราณถ้าคุณรักรถโบราณเก่านี้ต้องไปที่ คอลเลกชันส่วนตัวนิทรรศการ HSH Prince Rainier III ของรถโบราณ ประมาณ 100 vehicules จะแสดงในพื้นที่ 4000 ตารางเมตร
นอกจากนี้ประเทศนี้ยังมีทั้งเจ้าชาย เจ้าหญิง หล่อๆ สวยๆ และมีพระปรีชาสามารถเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกหลายพระองค์ ยกตัวอย่าง เช่น เจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ที่ทรงพระสิริโฉมงดงาม เจ้าหญิงแคโรลีนพระธิดาในเจ้าหญิงเกรซที่ทรงพระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดา
ตามมาด้วย เจ้าหญิงสเตฟานี พระขนิษฐาผู้ทรงโฉมเช่นกัน และ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งโมนาโก ผู้ซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าหญิงแคโรลีน ก็ทรงพระสิริโฉมงดงามไม่แพ้พระมารดาและพระมาตุจฉา เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 เจ้าชายเรนีเย่ เจ้าชายอัลเบิร์ต และเจ้าชายเรนีย่ที่ 3
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
3 ประเทศนาอูรู
เป็นประเทศที่อยู่บนเกาะ ตั้งอยู่บนทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค มีขนาด 21 ตารางกิโลเมตร และได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเอกราชเป็นของตัวเองที่เล็กที่สุดในโลก และเป็นประเทศเอกราชเดียวที่ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ นาอูรูใช้ภาษานาอูรูเป็นภาษาราชการ ชาวนาอูรูเข้าใจภาษาอังกฤษ และมักใช้ในราชการเกือบทั้งหมด รวมถึงใช้ในการโฆษณาด้วย ผู้คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ระบบกฎหมายพระราชบัญญัติจากรัฐสภานาอูรู, กฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ (British Common Law)
นาอูรูมีแร่ฟอสเฟตอยู่มาก และรายได้แทบทั้งหมดของประเทศมาจากอุตสาหกรรมการขุดและส่งออกแร่ฟอสเฟต ซึ่งมีรายได้ดีจนทำให้ชาวนาอูรู มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นในหมู่ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกด้วยกัน
ในอดีตรายได้หลักของประเทศมาจากแร่ฟอสเฟต มีการส่งออกแร่ฟอสเฟตในอัตราที่สูงมาก จึงส่งผลให้ประชากรของที่นี่กินดีอยู่ดี รัฐบาลมีการจ้างงานประชาชนถึง 95 เปอร์เซนต์ ให้สวัสดิการการรักษาโรคและการศึกษาฟรีแก่ประชากรในประเทศ พูดได้เลยว่าที่นี่เป็นเหมือนกับสวรรค์น้อยๆ บนผืนดิน เพราะเป็นประเทศที่ประชากรร่ำรวยติดอันดับในโลกเลยทีเดียว ถึงขั้นที่ว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ของประเทศมักจะนั่งเครื่องของ Air Nauru ไปเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์เสมอๆ
อย่างไรก็ตาม แร่ฟอสเฟตที่ดูเหมือนจะเป็นบ่อเงินบ่อทองสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนาอูรู เนื่องจาก ผืนดินสะสมแร่ฟอสเฟตมากจนเกินไป จนแห้งแล้งและไม่สามารถปลูกพืชผลใดๆ ได้ ทั้งการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ของประเทศ เช่น การไปซื้อกิจการโรงแรมแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไร้ประโยชน์ รวมถึงการขาดคุณสมบัติในการปกครองบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของนาอูรูแย่ลง
ยังไม่พอภาวะการกินอยู่ที่เคยอุดมสมบูรณ์มาก ก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนกับประชากรในประเทศ ประชากร 9 ใน 10 คนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน นาอูรูกลายเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นโรคเบาหวานในอัตราสูงมากประเทศหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
..................................................................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น